ทำความรู้จักกับ Error ต่างๆใน Google Sheets กันเถอะ
Table of Contents
Error ต่างๆใน Google Sheets ที่คุณเห็นใน cell นั้นมีหลายแบบ แล้วแต่ละแบบก็มีความหมายที่แตกต่างกัน วันนี้เรามาลองสังเกต error พร้อมกับหาวิธีแก้กันครับ
#N/A #
คุณจะพบเจอตอนที่คุณใช้คำสั่งหาค่าอะไรสักอย่างใน range แล้วมันไม่มี เช่น
=VLOOKUP("x",B1:B5,1,FALSE)
เมื่อเราพยายามหา “x” ใน B1
ถึง B5
แต่มันไม่มีไง มันเลยฟ้องว่า “Did not find value ‘x’ in VLOOKUP evalation.” ซึ่งมีโอกาศเกิดได้กับทั้ง =QUERY()
, =FILTER()
, =MATCH()
หรือคำสั่งใดๆก็ตามครับที่เป็นการค้นหาค่าจากใน range ที่เรากำหนดแล้วมันมีโอกาศไม่เจอ
แก้ไขโดย #
- ตรวจดีๆว่าคุณหาใน range ที่ถูกต้องแล้ว บางทีคุณอาจจะกำหนดก็ได้
- ครอบด้วย
=IFERROR()
สิครับ เช่นบอกว่า
=IFERROR(VLOOKUP("x",B1:B5,1,FALSE),"ไม่เจอเด้อ")
เพียงเท่านี้เจ้า #N/A
ก็จะกลายเป็นคำว่า “ไม่เจอเด้อ” แทน
#DIV/0! #
ใครเรียนคณิตศาสตร์มาน่าจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างเรื่อง ถ้าเอาจำนวนใดๆก็ตามมาหารด้วยศูนย์มันไม่นิยาม หรือไม่มีความหมายทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้ใน Google Sheets เหมือนกันครับ เช่น
=A2/B3
ถ้าเกิด B3
ของคุณมันดันเป็น 0 ขึ้นมามันก็ต้องฟ้องว่า “Function DIVIDE parameter 2 cannot be zero.” ทันทีสิครับ
แก้ไขโดย #
- ตรวจดูสูตรของคุณให้ดีว่าผิดหรือเปล่า เอาตัวตั้งมาเป็นตัวหารไหม หรือตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาว่าผิดพลาดหรือเปล่าถ้าคุณคิดว่าสูตรของคุณไม่ผิดนะ
- ครอบด้วย
=IFERROR()
อีกแล้ว!! เช่นบอกว่า
=IFERROR(A2/B3,"ไม่นิยาม")
เพียงเท่านี้เจ้า #DIV/0!
ก็จะกลายเป็นคำว่า “ไม่นิยาม” แทน (หากินง่ายเนอะ)
#VALUE! #
การ บวก ลบ คูณ หาร มันเป็นเรื่องตัวเลขใช่ไหมครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเอา ตัวเลขมาบวกกับตัวอักษรก็เป็นเรื่องสิครับ
=100 + "ฉันเป็นตัวเลขนิ"
=100 + “ฉันเป็นตัวเลขนิ” แน่นอนว่า “ฉันเป็นตัวเลขนิ” มันคือตัวอักษรหลายๆตัวครับ มันเอามาบวกกับ 100 ไม่ได้ โดนฟ้องสิ “Function ADD parameter 2 expects number values. But ’’ is a text and cannot be coerced to a number.”
แก้ไขโดย #
- ตรวจดูคำสั่งดีๆครับว่าชี้ไปถูก cell หรือเปล่า บางทีเราอาจจะเผลอเลือกเอา cell มาคำนวณผิดช่องก็ได้
- บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้บ้านเราช่องไหนไม่มีค่าจะชอบขีด “-” มาด้วย เราก็จำเป็นต้องเปลี่ยน “-” ให้เป็น 0 ก่อนนะครับ
- ครอบด้วย
=IFERROR()
ยังไม่หยุดอีก
=IFERROR(A1 + B1, "มันบวกกันไม่ได้นะพวกเธอ")
เบื่อหน้า =IFERROR()
กันรึยังครับ
#REF! #
เป็นปัญหาจากการอ้างอิงถึง cell ที่ไม่ถูกต้องแล้วทำให้เกิดปัญหา เช่น
=Sheet2!A1
คุณอ้างอิงถึง cell A1
ใน Sheet 2
แต่วันดีคืนดีคุณก็ลบ Sheet 2
ทิ้งไป มันก็จะฟ้องว่า “Unresolved sheet name ‘Sheet2’.”
=A1*A2
คุณอยากหาค่า A1
คูณ A2
แต่คุณกลับใส่คำสั่งนี้ลงใน A2
มันก็เกิดการวนหาคำตอบแบบไม่รู้จบสิ “Circular dependency detected. To resolve with iterative calculation, see File > Spreadsheet Settings.”
=QUERY(A1:B20, "select A where B > 0")
คุณอยากหาว่าตั้งแต่แถวที่ 1 - 20 เนี่ย มันมีแถวไหนที่ B มากกว่า 0 บ้าง โดยใส่คำสั่งนี้ไว้ที่ C1
แต่คุณก็พิมพ์อะไรสักอย่างใส่ไปใน C2
ด้วยเหมือนกัน ปัญหาก็มาสิครับถ้าเกิดคำสั่งนี้เจอแถวที่มี B มากกว่า 0 หลายๆแถว เพราะ C2
ที่ควรจะเป็นที่ให้ผลลัพธ์ของ =QUERY()
โดนคุณขวางทางไว้ มันก็ฟ้องสิ “Array result was not expanded because it would overwrite data in C2.”
แก้ไขโดย #
- ตรวจสอบว่า cell ที่เราอ้างอิงถึงให้ดีว่ามันยังมีตัวตนอยู่ใช่ไหม
- ดูให้ดีว่า cell ที่เราอ้างถึง ไม่ใช่ cell ที่เรากำลังใส่คำสั่งลงไปอยู่
- เคลียร์ที่ทางของข้อมูลให้ดี อย่าให้มี cell ไหนมาขวางทางของคำสั่งที่มีโอกาสได้ผลลัพธ์หลายๆแถวหรือหลัก เช่น
=QUERY()
,=FILTER()
หรือแม้แต่={}
เป็นต้น - ครอบด้วย
=IFERROR()
คิดไม่ออกบอกตัวนี้แหละ เหมือนเป็นคนหนีปัญหายังไงอย่างงั้น
#NAME? #
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเรียกคำสั่งไม่ถูก หรือเรียกคำสั่งที่มันไม่มีอยู่มันจะโผล่มาเอง เช่น
=VFOOKUP("x",A1:A5,1,FALSE)
ไปเอา VFOOKUP()
มาจากไหน โดนสิ “Unknown function: ‘VFOOKUP’.”
แก้ไขโดย #
- ดูชื่อคำสั่งดีๆครับ บางครั้งเราอาจจะพิมพ์ผิดอย่าง LOOKUP กับ FOOKUP มันก็มีโอกาสผิดกันได้ L กับ F มันอยู่ใกล้กัน (ตรงไหน?)
#NUM! #
เมื่อตัวเลขในคำสั่งมันไม่ถูกต้องมันจะมาหาคุณเอง เช่น การพยายามเอาจำนวนลบไปใส่ใน square root
=SQRT(-1)
เอ่อ!.. คือ Google Sheets ไม่เล่นกับจำนวนจินตภาพนะครับ “Function SQRT parameter 1 value is negative. It should be positive or zero.”
=SMALL({1;2;3;4;5}, 10)
จะหาค่าเล็กที่สุดใน range แต่เราดันกำหนดอะไรที่สูงกว่าที่มันมีซะงั้น =LARGE()
ก็เช่นกัน
แก้ไขโดย #
- เช็คตัวเลขและสูตรของคุณให้ดีครับ ว่ากันด้วยตัวเลขล้วนๆเลยข้อนี้
- ฝืนใช้
=IFERROR()
ครับ แล้วมันจะไม่รบกวนใจคุณ แต่คุณจะไม่ได้อะไรเลย :3
#ERROR! #
เขียนคำสั่งผิดครับ คือ Google Sheets ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณเขียนลงไปหลังเครื่องหมาย =
นั่น คุณอาจจะลืมอะไรไปสักอย่างหรือว่าใส่อะไรเกินไปนิด เช่น
=SUM(A2:A5
ลืมวงเล็บปิดซะงั้น
="ชื่อ"A1"นามสกุล"A2
ไม่มี &
มันก็ไม่รู้นะว่าเราจะเอามาเชื่อมกัน
ความผิดพลาดพวกนี้มันจะฟ้องว่า “Formula parse error.”
แก้ไขโดย #
- หายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆหายใจออก หลังจากนั้นลบสูตรแล้วค่อยๆพิมพ์ลงไปใหม่ เมื่อกี้มันต้องมีอะไรผิดแน่ๆ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยทำให้ทุกคนใจเย็นขึ้นหลังจากเห็น error ใน Google Sheets นะครับ ค่อยๆอ่านสิ่งที่มันฟ้องมาว่าคืออะไรแล้วค่อยๆแก้ไปทีละจุดเพียงเดี๋ยวปัญหามันก็หายไปเองครับ